จากบทความที่แล้ว เราได้พูดถึงสาเหตุของการเกิด ผมร่วง ผมบาง ไปแล้ว ในบทความนี้ จะกล่าวถึงวิธีการรักษาแต่ละแบบ ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นธรรมชาติ และ แบบที่ต้องใช้ยา ภายใต้การควบคุมของแพทย์ สำหรับ วิธีการรักษาผมร่วง ผมบางลำดับแรกสำคัญที่สุด คือ การปรับพฤติกรรม!! การทานอาหาร เปลี่ยนจากการทานอาหารรสจัดมาทานอาหารรสอ่อนลงที่มีโปรตีน หลีกเลี่ยงการขยี้เส้นผมหลังอาบน้ำ ลดการหวีผม เนื่องจาก เส้นผม จะอ่อนแอขณะเปียกน้ำ หากจำเป็นต้องหวีผมให้ใช้หวีซี่ห่างในการหวี เพื่อไม่ให้ผมร่วง หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ ดังที่บอกไปข้างต้นว่าการดื่มและสูบถือเป็นอีกสำคัญในการทำให้เกิดผมร่วง และปรับสภาพจิตใจให้ผ่อนคลาย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ เมื่อเริ่มมีปัญหา ผมร่วง ผมบางจะเกิดความกังวล ยิ่งทำให้เครียด และเมื่อเกิดความเครียด ปัญหาผมร่วงจะยิ่งชัดเจน
รักษาโดยการการใช้ยา (ภายใต้การดูแลของแพทย์)
การรักษาด้วยวิธีการใช้ยาปลูกผม คืออีกหนึ่งทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหาผมร่วง ผมบาง ซึ่งบางคนมองว่ายาปลูกผมนั้นหาซื้อง่าย และราคาถูก แต่แน่นอนว่า…ขึ้นชื่อว่ายา อาจทำให้เกิดอาการแพ้หรือเกิดอาการระคายเคืองผิวขั้นรุนแรง ดังนั้นจึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและแนะนำจากแพทย์เท่านั้น ปัจจุบัน ยาที่ใช้รักษาอาการผมร่วงที่รู้จักโดยทั่วไปมีสามชนิด ได้แก่
Minoxidil
มีทั้งชนิดทาและรับประทาน ทำให้ระยะงอกของวงจรเส้นผมยาวนานขึ้น และทำให้ระยะร่วงสั้นลง เส้นผมจึงร่วงน้อยลงโดยการออกฤทธิ์กระตุ้นการเปิดช่องของเกลือโพแทสเซียม ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือดที่หนังศีรษะ ช่วยให้มีเลือดไปเลี้ยงเซลล์รากผมมากขึ้น ส่งผลให้เส้นผมสามารถเจริญเติบโตขึ้นได้
Finasteride
เป็นยาที่ ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase ซึ่งเป็นเอนไซน์ ที่มีหน้าที่เปลี่ยนฮอร์โมนเพศชาย เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ไปเป็น ไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (Dihydrotestosterone) หรือ ที่หลายๆคนรู้จักในชื่อ DHT สารเคมีที่ส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ต่อมลูกหมากและทำให้เซลล์รากผมฝ่อ ยาฟิแนสเทอร์ไรด์ ทำให้ระดับฮอร์โมนดีเอชที (DHT) ที่หนังศีรษะลดลง ลดการหลุดร่วงและช่วยกระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่
Spironolactone
เป็นยากินรักษาผมร่วงสาเหตุของ ผมบาง ในผู้หญิง เดิมใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แต่พบว่ายามีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนเพศชาย (Anti-Androgen) ได้ ออกฤทธิ์โดยการไปสกัดกั้นตัวรับฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้เกิดการฝ่อของรากผม จึงทำให้ผมหยุดร่วงหรือชะลอตัวลง
*การใช้ยาควรอยู่ในความควบคุมของแพทย์เท่านั้น*
รักษาโดยการปลูกผม (เทคนิคการแพทย์)
เทคนิคที่นิยมใช้ปลูกผม จะมีกันอยู่สองแบบ นั่นก็คือวิธี FUE และ FUT โดยทั้งสองแบบจะมีจุดประสงค์เพื่อย้ายรากผมจากบริเวณเหนือกกหูและด้านหลังศีรษะ (Donor Area) มาปลูกในบริเวณที่ผมบางแทน ซึ่งภายในเวลา 12-18 เดือนเส้นผมก็จะงอกขึ้นใหม่เต็มที่และเป็นธรรมชาติโดยไม่ร่วงอีก เพราะรากผมจากเหนือกกหูและด้านหลังศีรษะนั้นมีความแข็งแรงและไม่ได้ถูกฮอร์โมนที่ชื่อว่า DHT ทำร้าย
เทคนิคการปลูกผมแบบ Follicular Unit Extraction (FUE)
วิธีนี้คือการย้ายเซลล์รากผมที่แข็งแรงไปปลูกบริเวณที่มีปัญหา โดยจะเจาะเอาเนื้อเยื่อบริเวณท้ายทอยออกมา ซึ่งบริเวณนี้ถือได้ว่าแข็งแรงที่สุด โดยใช้เครื่องมือที่ใช้มีขนาดเล็กมาก เลยทำให้แทบไม่เห็นรอยแผลเป็น เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก
เหมาะสำหรับ :
ผู้ที่ต้องการปลูกผมจำนวนไม่มาก ไม่เกิน 2,000 กราฟ และผู้ที่ต้องการไว้ผมสั้นมาก หลังทำเสร็จ
เทคนิคการปลูกผมแบบ Follicular Unit Transplantation (FUT)
วิธีนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก เป็นวิธีที่ได้มาตรฐาน โดยเริ่มจากใช้กล้องจุลทรรศน์ช่วยในการหั่นเส้นผมที่ได้จากบริเวณท้ายทอย จากนั้นก็นำเซลล์ผมที่ได้ไปปลูกบริเวณที่ต้องการ เทคนิคนี้ไม่ต้องใช้ยาสลบ ใช้แค่ยาชาเท่านั้น
เหมาะสำหรับ :
ผู้ที่มีปัญหาศีรษะล้านมาก สามารถปลูกได้ทุกกรณี และผู้ที่ต้องการปลูกจำนวนกราฟมาก ตั้งแต่ 2,000 กราฟขึ้นไป
รักษาโดยการทำทรีตเมนต์ (ผมบาง ผมร่วง )
ทรีตเมนต์นี้เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่ได้มีปัญหาศีรษะล้านมากจนเกินไป อาจจะแค่ผมบางเป็นบางบริเวณของศีรษะเท่านั้น หรือเส้นผมที่ได้รับการถูกทำร้ายจากความร้อน สารเคมีต่าง ๆ ซึ่งทรีตเมนต์มีด้วยกันอยู่ 2 ทรีตเมนต์ คือ
Pora Cool Hair
- การผลักวิตามินเข้าสู่หนังศีรษะด้วยหลักการ Electroporation พร้อมกับพลังงานความเย็น และแสง LED ไปในขณะเดียวกัน ซึ่งแสงสีแดง มีคุณสมบัติกระตุ้นและการเพิ่มการไหลเวียนของเส้นเลือดบริเวณหนังศีรษะ ช่วยกระตุ้นการงอกใหม่ของเส้นผมให้มีความแข็งแรง และป้องกันการหลุดร่วงของเส้นผมด้วย
LED Therapy
- เทคนิคนี้เป็นการฉายแสงด้วย LED ซึ่งประกอบด้วยหลอด LED จำนวนมาก โดยแสงที่ใช้สามารถรักษาผมร่วง และบำรุงลึกเข้าไปในรูขุมขนบริเวณหนังศีรษะและรากผมได้อย่างทั่วถึง ช่วยเพิ่มความแข็งแรง กระตุ้นการสร้างเส้นผมใหม่ และลดปัญหาการหลุดร่วงของเส้นผม
วิธีการเหล่านี้ ได้รับการยอมรับว่าช่วยบรรเทาปัญหาผมร่วง ผมบาง ได้จริง แต่ทั้งนี้ วิธีการเหล่านี้ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมและแนะนำจากแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยาตามอินเตอร์เน๊ตมาทดลองทานเอง เพราะอาจมีผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ และสำหรับท่านผู้รับการรักษาด้วยวิธีการใช้ยา ในช่วงเดือนแรกที่เข้ารักการรักษา อาจจะมีผมร่วงมากกว่าปกติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการเริ่มต้นรักษา โดยเส้นผมจะค่อยๆหยุดหลุดร่วงหลังจากรักษาไปแล้วประมาณหนึ่งเดือน
ในบทความตอนต่อไป เราจะพูดถึงเรื่อง การใช้สินค้ากลุ่มเครื่องสำอางที่พัฒนามาเพื่อดูแลปัญหาเส้นผม ควบคู่กับการทานอาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องของการเสริมความแข็งแรงให้เส้นผมโดยเฉพาะ ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่มีปัญหามาก และต้องการชะลอหรือป้องกันปัญหาเส้นผมที่มีอยู่โดยไม่ใช้ยา
ทำความเข้าใจ(เส้น) ผม ก่อนที่ผมจะจากไป EP1
ทำความเข้าใจ(เส้น)ผม ก่อนที่ผมจะจากไป EP2
⭐️ สำหรับผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ⭐️