มาส์ก สามารถแบ่งได้ 10 ประเภท
1. มาส์กโคลนพอกหน้า (Clay Mask)
เหมาะกับผิวมันไปจนถึงผิวธรรมดา คนผิวหน้าแห้งจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ระยะเวลาที่เหมาะสม: ประมาณ 5-15 นาที เพราะนั่นหมายความว่าโคลนกำลังดูดน้ำออกจากผิวหน้ามากจนเกินไป โคลนจะดูดเอาความมัน และสิ่งสกปรกหรือฝุ่นละอองที่อุดตันอยู่ตามรูขุมขนของเราออกไปเมื่อโคลนจับตัวกันแห้ง มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดอย่างล้ำลึก
2. มาส์กแบบลอก (Peel Mask)
เหมาะกับผิวแห้ง และผิวที่มีริ้วรอย ระยะเวลาที่เหมาะสม: ประมาณ 15-30 นาที ทำให้ผิวกระชับขึ้นและช่วยให้เลือดไหลเวียนแต่สารบำรุงผิวมาสก์ประเภทนี้จะมีการดูดซึมไม่ดีเท่ากับมาสก์ธรรมชาติอย่างมาส์กโคลน
3. มาส์กร้อน (Thermal Masks)
เหมาะกับผิวมัน ระยะเวลาที่เหมาะสม: ประมาณ 10 นาที โดยส่วนใหญ่แล้วมาสก์ชนิดนี้จะต้องใช้มือค่อยๆ ถูนวดเป็นวงทั่วใบหน้าระหว่างที่ใช้มาสก์ไปด้วย ซึ่งเป็นคุณสมบัติพิเศษของมาสก์ประเภทนี้ คือช่วยทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึก และจะช่วยเปิดรูขุมขน ทำให้สิ่งอุดตันตามรูขุมขนหลุดออกมา หลังจากที่เราล้างมาสก์ออกทำให้ผิวชั้นนอกเกิดการรับเอาออกซิเจนเข้าสู่ผิวมากขึ้นมาสก์ชนิดนี้เวลาที่สัมผัสกับผิวแล้ว อุณหภูมิของมาสก์จะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
4. มาส์กครีม (Cream Mask)
เหมาะกับผิวหน้าแห้งถึงผิวธรรมดา และผิวที่ต้องการความชุ่มชื้น ระยะเวลาที่เหมาะสม: ประมาณ 5-10 นาที สำหรับกรณีเร่งรีบ หรือมาส์กแบบข้ามคืนเพื่อกู้ผิวที่พัง เนื้อครีมจะทำให้สารบำรุงสามารถเข้าไปบำรุงผิวได้อย่างล้ำลึกมาสก์ประเภทนี้จะมีส่วนผสมของสารที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว จะช่วยทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ นุ่ม ชุ่มชื้นขึ้น
5. มาส์กน้ำมัน (Warm-Oil Mask)
เหมาะกับผิวแห้งและผิวที่มีริ้วรอย ระยะเวลาที่เหมาะสม: ประมาณ 5-10 นาที จะอุดมไปด้วยน้ำมันสกัดจากวิตามินอี ช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่มขึ้น วิตามินซี ช่วยกระชับผิว วิตามินดี มีฤทธิ์ในการรักษาปัญหาผิวน้ำมันโอลีฟ หรือวิตามินชนิดน้ำมัน ซึ่งจะประกอบด้วย วิตามินเอ ช่วยในการทำให้ผิวเนียนนุ่มมาสก์ประเภทนี้จะนิยมทำกันในสปา โดยน้ำมันที่นำมามาสก์นั้นส่วนใหญ่จะเป็นน้ำมันอัลมอนด์
6. มาส์กชีท (Sheet Mask)
มาส์กที่ได้รับความนิยมมากๆ ในตอนนี้ เป็นแผ่นมาส์กหน้าสำเร็จรูป ที่พอดีกับใบหน้าเรา โดยเคลือบเซรั่ม สารสกัดบำรุงผิวนานาชนิดไว้บนแผ่นมาส์ก เน้นสร้างความชุ่มชื่นให้กับผิว ริ้วรอยจางลงผิวเต่งตึง เรียบเนียนขึ้น ใช้สะดวก เพียงฉีกซองแล้วมาส์กลงหน้าได้ทันที เหมาะสำหรับในช่วงเวลาที่เร่งรีบ เพราะใช้เวลาบำรุงเพียง 20 นาทีเท่านั้น
7. มาส์กไฮโดรเจล (Hydrogel Mask)
คล้ายชีท มาส์ก แต่มักจะใช้วัสดุที่มีลักษณะเป็นเจล หนา ลื่น กระชับเข้ากับรูปหน้าได้ดี โดยส่วนมากนิยมใช้ Bio-Cellulose ให้ความชุ่มชื่นกับผิวได้ดี เหมาะกับผิวแบบไหน : ผิวแห้ง และผิวที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอย
8. มาส์กเจล (Gel Mask)
มาส์ก ชนิดนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแพ้ง่ายและผิวมัน หรือใช้เพื่อรักษาอาหารแพ้บางอย่าง ระยะเวลาที่เหมาะสม : ประมาณ 5-10 นาที โดยเนื้อเจลนั้นจะบางกว่าเนื้อครีมทั่วไป และไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน จะช่วยให้ความเย็นและความชุ่มชื้นจากน้ำแก่ผิว ทำให้ช่วยรักษาอาการแพ้ได้ดี มาส์กแบบเจลนี้มักจะใช้สำหรับผิวที่ไปออกแดดมา หรือมีอาการแดงระคายเคือง
9. มาส์กบับเบิ้ล (Bubble Mask)
ตัวมาส์กมีลักษณะเป็นฟอง เหมาะสำหรับคนผิวมัน คนที่ใช้ครีมรองพื้นบ่อย หรือครีมกันแดด SPF สูง ที่ล้างออกยาก วิธีนี้ควรมาส์กอาทิตย์ละ 1 ครั้ง โดยนวดเบาๆแล้วพอกทิ้งไว้บริเวณที่เป็นสิวบ่อย จมูก หน้าผาก หรือทั่วไปหน้า ช่วยขจัดสิ่งตกค้างบนใบหน้า ทำให้ผิวสะอาด สดชื่น ผิวนุ่มอ่อนเยาว์ ลดปัญหาการเกิดสิวและริ้วรอย
10. มาส์กธรรมชาติ (Natural)
ขึ้นอยู่กับสรรพคุณและสารอาหารของสมุนไพร พืชและผลไม้แต่ละชนิดโดยวิธีใช้ก็จะขึ้นอยู่กับสูตรมาสก์หน้าแต่ละชนิด และจะมีคุณสมบัติหลากหลาย อย่างพวกแตงกวา มะละกอ หรือข้าวโอ๊ต เป็นต้น ที่ระยะเวลาที่เหมาะสม : ประมาณ 5-10 นาที
จะเห็นว่ามาส์กทั้ง 10 ประเภทนั้น เป็นมีวิธีการบำรุงหน้าด้วยวิธีง่าย รวดเร็ว อีกทั้งช่วยผ่อนคลายไปในตัว ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้มาส์กเป็นสินค้ายอดนิยมมากในปัจจุบันและยังเป็นเทรนด์ต่อเนื่องมาเรื่อยๆ ไม่เคยหายไป อยากสร้างแบรนด์มาส์ก สามารถเลือกดูผลิตภัณฑ์ได้ที่นี่
ข้อมูลอ้างอิง
https://www.marketwatch.com/
https://www.persistencemarketresearch.com/
https://www.vogue.co.th/