เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาผิวที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น หน้าดำ เป็นสิว ผิวอักเสบ มีริ้วรอย เมื่อเกิดปัญหาเหล่านี้ก็คงต้องต่างกังวลใจอยากหาทางแก้ให้เร็วที่สุด โดยต้องหาครีมช่วยบำรุงผิวให้หายจากปัญหาเหล่านี้ให้หมดไป บางคนจึงตัดสินใจหันมาใช้ครีมตามกระแส เพียงเพราะโฆษณาชวนเชื่อที่บอกว่าสามารถรักษาปัญหาผิวได้โดยเห็นผลภายใน 7 วัน แต่แท้จริงแล้วครีมเหล่านั้น กลับมีสารอันตรายผสมอยู่ จึงเห็นผลไวในพริบตาเดียว แต่เมื่อใช้ไปสักพักแล้วหยุดใช้ หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็จะส่งผลกระทบร้ายแรงคือผิวหน้าติดสาร สเตียรอยด์ (Steroid)ไปแล้ว แล้วสเตียรอยด์คืออะไรกันนะ? ในบทความนี้จะพาทุกคนมาไขข้อข้องใจกันค่ะ
ทำความรู้จักกับ สเตียรอยด์ (Steroid)
สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างมาจากต่อมหมวกไตชั้นนอก (Adrenal cortex steroids) มีประโยชน์ในการควบคุมการเปลี่ยนสภาพของสารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ตลอดจนควบคุมสมดุลของเกลือแร่ อิเล็กโทรไลต์ ภายนอก เช่น ยาทา (ทั้งในรูปครีม โลชั่น ขึ้ผึ้ง) สำหรับรักษาผื่นและน้ำในร่างกาย กดภูมิคุ้มกัน และสามารถบรรเทาการอักเสบได้ โดยกฎหมายกำหนดให้สเตียรอยด์เป็นยาควบคุมพิเศษ เนื่องจากมีความเป็นพิษสูงและต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายเท่านั้น
ยา สเตียรอยด์ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ตามรูปแบบการใช้งาน
- ยาสเตียรอยด์ที่ใช้ภายนอก (External Use) หวังผลการรักษาให้ออกฤทธิ์เฉพาะที่
- ยาหยอดตา : สำหรับการอักเสบที่ตา เยื่อบุตาขาวอักเสบ
- ยาพ่นจมูก : ใช้ควบคุมอาการภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบ
- ยาสูดพ่นทางปาก : ใช้ควบคุมอาการทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด ถุงลมโป่งพอง
- ยาทาทางผิวหนัง : ใช้สำหรับกดภูมิคุ้มกัน หรืออาการผื่นแพ้ที่ผิวหนัง
- ยาสเตียรอยด์ออกฤทธิ์ทั่วร่างกาย (Systemic Use) หวังผลการรักษาที่ให้ออกฤทธิ์ทั่วร่างกายทุกระบบ เช่น ยาฉีด และยารับประทาน ส่วนใหญ่ใช้ลดการอักเสบภายใน หรือเพื่อกดภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคภูมิแพ้ตนเอง (SLE) หรือผู้ป่วยที่มีปัญหาทางเดินหายใจอักเสบเรื้อรัง และ อาการภูมิแพ้ทางผิวหนังหรือทางเดินหายใจที่รุนแรง เป็นต้น
FYI. โดยปกติแล้วในทางการแพทย์จะใช้สเตียรอยด์เพื่อทดแทนการขาดฮอร์โมนจากต่อมหมวกไตและจากความบกพร่องของต่อมใต้สมองส่วนหน้า นอกจากนี้ยังมีการใช้สเตียรอยด์เพื่อรักษาโรคอีกด้วย สรุปได้ว่าสเตียรอยด์จะถูกใช้เมื่อใช้ยาอื่นไม่ได้ผล หรือโรคนั้นไม่อาจควบคุมได้ด้วยยาอื่น เนื่องจากมีอาการข้างเคียงสูง ซึ่งการนำสเตียรอยด์ไปใช้ก็เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ และกดภูมิคุ้มกันในโรคต่างๆ นั้น
ผลข้างเคียงจาก สเตียรอยด์ (Steroid) เป็นอย่างไร
สเตียรอยด์ สามารถลดอาการทางผิวหนังที่เกิดจากการแพ้ การอักเสบและโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดอาการคันต่างๆ แต่การใช้ยาสเตียรอยด์ ไม่ใช่เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ เป็นเพียงยับยั้งอาการคันและอาการอักเสบที่เกิดจากเชื้อรา ดังนั้นเมื่อหยุดยาก็จะกลับมาเป็นอีก และอาจมีผลทำให้การติดเชื้อลุกลามได้ เพราะสเตียรอยด์มีผลในการกดภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่ง ผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์ จะทำให้ผิวของเราขาดภูมิต้านทาน เกิดการอักเสบของเซลล์รูขุมขน อาการข้างเคียงจะไม่เฉพาะเจาะจง แต่จะมีอาการต่างๆ เช่น หน้ามีผดผื่นขึ้นง่าย เป็นๆหายๆ โดนแดด ลม น้ำ ก็แพ้ หลังจากนั้นผิวหน้าจะเริ่มคล้ำขึ้นอย่างรวดเร็ว มีสิวฝ้ากระขึ้น ผิวหน้าบาง เห็นเส้นเลือดแดงตามใบหน้าชัดขึ้น ทำให้มลภาวะสารพิษจากภายนอกเข้าสู่ผิวหนังชั้นแท้ได้ง่ายขึ้น
สารสเตียรอยด์ต้องห้ามใน “เครื่องสำอาง” พบได้ใน ยาแต้มสิว ลดสิวอักเสบ ครีมรักษาสิว ยาทานลดสิว ยาฉีดลดสิว และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ทำให้หน้าขาว หน้าใส ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีส่วนผสมที่ผิดกฏหมายอยู่ ซึ่งปัจจุบัน สำนักเครื่องสำอางและวัตถุอันตราย กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สามารถตรวจสอบสารสเตียรอยด์ที่ยังพบว่ามีการผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางหน้าขาวใส แบบเห็นผลรวดเร็วนั้น มี 8 ชนิด ได้แก่ Betamethasone, Betamethasone17, Valerate, Dexamethasone, Clobetasol Propionate, Hydrocortisone, Prednisolone และ Triamcinolone Acetonide
ส่งตรวจเครื่องสำอาง ได้ที่ http://cosmetics.dmsc.moph.go.th/th/home.php
แนวทางการรักษาและการเลือกเครื่องสำอางสำหรับผิวติดสาร
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังใช้ครีมที่มีส่วนผสมจากสเตียรอยด์ กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าผิวหน้าถูกทำร้ายไปแล้ว แนวทางแก้ปัญหาผิวหน้าติดสารสเตียรอยด์ที่ดีที่สุด คือ
หยุดใช้
- ลดปริมาณการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสเตียรอยด์ลงเรื่อยๆ หรือจนหยุดใช้เลย ได้ในที่สุด
หลีกเลี่ยง
- เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมกลุ่มแอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และซิลิโคน
งดแต่งหน้า
- เพื่อลดการรบกวนผิวหน้าด้วยอุปกรณ์ แปรงแต่งหน้า ซึ่งอาจจะปนเปื้อน และไปเสริมให้เกิดการระคายเคืองมากขึ้น
ฉลาดเลือก
- ผลิตภัณฑ์ที่เน้นความอ่อนโยน ปลอดภัย ช่วยบำรุงเติมความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวชั้นนอกให้แข็งแรง
ข้อมูลสำหรับเจ้าของแบรนด์
การทำแบรนด์เครื่องสำอางสำหรับกลุ่มเป้าหมาย ผิวติดสาร, ผิวแพ้ง่าย ถึงแม้ว่าในปัจจุบัน กลุ่มลูกค้าเหล่านี้จะมีจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะผู้บริโภคที่มีผิวแพ้ง่าย อันเนื่องมาจากสภาพแว้ดล้อมในปัจจุบัน แต่ยังมีผู้บริโภคจำนวนมาก ที่คาดหวังผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว ใช้วันนี้ ต้องภายพรุ่งนี้ ทางแบรนด์เอง ต้องสื่อสารกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ในขั้นตอนการรักษา นอกเหนือจากดูแลผิวหน้าให้ลูกค้าแล้ว ยังต้องดูแลใจของลูกค้าด้วย เพราะเมื่อผิวติดสาร เป็นใครก็วิตกกังวล เสียความมั่นใจกันทุกคน
แนวทางการเลือกใช้สารสกัดที่ช่วยฟื้นฟูผิวจากการติดสารสเตียรอยด์
Ceramide เซราไมด์
- ช่วยเสริมปราการให้ผิวแข็งแรง ปกป้องผิวจากมลภาวะและสารอนุมูลอิสระภายนอก ทำให้ผิวแข็งแรง ต่อสู้กับการระคายเคืองต่างๆ และยังทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมให้เคราตินของผิวชั้นบนเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ ช่วยในการปกป้องผิวจากสิ่งแปลกปลอมภายนอก แถมยังช่วยให้ผิวรับสกินแคร์และทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย
Hyaluronic ไฮยาลูโรนิค เอซิด
- ช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผิวได้เมื่อใช้อย่างต่อเนื่องในสกินแคร์รูทีน โดยจะมีส่วนช่วยในการบาลานซ์ผิว ซึ่งเมื่อใช้หลังทำความสะอาดผิวหน้าก็จะช่วยเตรียมผิวของเราให้พร้อมกับการบำรุงจากสกินแคร์ตัวอื่นๆได้ดีขึ้น หรือจะเรียกว่าเป็นไอเท็มที่ช่วยปูทางให้ผิวของเราเตรียมพร้อม สำหรับการบำรุงผิวหลังทำความสะอาดผิวหน้านั่นเอง
Aloe Vera อโลเวร่า
- ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวได้อย่างล้ำลึก ปกป้องผิวพร้อมลดอาการระคายเคือง ทำให้ผิวรู้สึกนุ่มสบาย รู้สึกชุ่มชื้นอย่างรวดเร็ว และยังช่วยสามารถลดอาการแสบหน้าในผิวหน้าติดสเตียรอยด์และลดการอักเสบของผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมพลังแห่งการบำบัดและดูแลผิวที่ถูกลำลาย และยับยั้งการเกิดสิวได้เป็นอย่างดี
ข้อสำคัญ
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์กลุ่มปกป้องผิวจากแสงแดดสำหรับผิวที่เป็นสิว โดยเน้นค่าการปกป้องผิว SPF30+ PA++ ก่อให้เกิดการอุดตันน้อย และไม่ให้ผิวกระทบจากแสงแดดโดยตรง การเลือกส่วนผสมที่ดีแล้ว … ไม่ได้แปลว่าจะไม่แพ้ แต่โอกาสการแพ้จะน้อยกว่าการไม่เลือกส่วนผสมเลย อย่าลืมว่าผิวที่กำลังติดสาร คือ ผิวที่พร้อมจะแพ้ได้ตลอดเวลา แม้ปกติจะเป็นคนที่แพ้ยากก็ตาม เพราะผิวติดสารเปรียบเหมือนดินทราย เทอะไรลงไป ทาอะไรลงไป ผิวก็ยอมให้สารต่างๆ ผ่านลงไปผิวชั้นล่างทั้งหมด
ผิวติดสารนั้นสามารถรักษาให้หายได้ เพียงดูแลอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม มีสารสกัดและส่วนผสมที่ปลอดภัย และผิวก็จะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม อย่างที่ทราบกันดีว่าเครื่องสำอางไม่ใช่ยา จึงต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทน เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ช่วยปรับสภาพผิวของแต่ละคน หากใครอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ก็อยากให้ลองปรับเปลี่ยนสกินแคร์รูทีน แล้วลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิวตัวเอง แล้วคุณจะพบว่าผิวสุขภาพดีขึ้นได้อย่างแน่นอน
การดูแลผิวให้ตรงจุด และใช้สกินแคร์ที่เหมาะสม ก็ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี และไวได้ อ่านบทความ => สกินแคร์หัวเชื้อ VS สกินแคร์ทั่วไป
ข้อมูลอ้างอิง : http://www.dmsc.moph.go.th // https://pharmacy.mahidol.ac.th