กุญแจสำคัญของการมีสุขภาพผิวสวยนั้นอยู่ที่การดูแลตัวเองทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งนอกจากการนอนพักผ่อนที่เพียงพอและเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์แล้ว การดูแลผิวก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะผิวที่มีความชุ่มชื้นเป็นหนึ่งในลักษณะของผิวมีสุขภาพดี โดยผิวที่มี ความชุ่มชื้น จะสามารถสร้างมอยส์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) ภายใต้ชั้นผิวได้เอง ส่งผลให้ผิวดูมีผิวชุ่มชื้นตลอดเวลาแม้ไม่ได้ทาครีม ความชุ่มชื้นของผิวหน้านั้นจะทำให้มีผิวพรรณที่สดใส เปล่งปลั่ง ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย และคงความอ่อนเยาว์ได้ บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความเข้าใจว่าความชุ่มชื้นมีความสำคัญกับผิวของเราอย่างไร?
ผิวที่มี ความชุ่มชื้น คือปัจจัยสำคัญของผิวสวย!
เพราะผิวของเรามีหลายชั้น โดยชั้นที่แสดงสัญญาณของการมีสุขภาพผิวให้เราเห็นได้ง่ายที่สุด คือผิวชั้นนอก เรียกว่า Corneocytes ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิวจากการสูญเสียความชุ่มชื้น รวมไปถึงมลภาวะ เชื้อแบคทีเรียและสิ่งแปลกปลอมต่างๆ โดยโครงสร้างของผิวชั้นนี้จะเรียงตัวกันคล้ายกำแพงอิฐ ระหว่างเซลล์จะมีไขมันคอยหล่อลื่น ซึ่งไขมันเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับความชุ่มชื้นอย่างพอเหมาะอยู่ตลอดเวลา จะทำให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้าน ไม่ลอกเป็นขุย ไม่มีรอยแดง และแข็งแรง ในทางกลับกันหากได้รับความชุ่มชื้นไม่มากพอ ปัญหาผิวต่างๆ ก็จะตามมา เช่น ผิวมันมากขึ้น หรือผิวบอบบางแพ้ง่ายมากขึ้น
” อาการโดยทั่วไปของผิวขาดน้ำ “
มีลักษณะมันเยิ้ม มีน้ำมันเคลือบผิวอยู่มาก แต่เมื่อสัมผัสไปที่ผิวจะรู้สึกได้ถึงความแห้งกร้าน ผิวสาก นอกจากนี้ อาจมีปัญหาหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ไม่นุ่ม ไม่เรียบเนียน เมคอัพหลุดลอกได้ง่าย
แล้วคุณมีผิวแบบไหน และควรเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ให้ ความชุ่มชื้น ให้เหมาะกับผิวยังไง ?
การเลือกซื้อครีมบำรุงแต่ละครั้ง ถือเป็นการตัดสินใจที่สำคัญมาก และหลายคนยังไม่รู้สภาพผิวหน้าของตัวเองว่าเป็นคนผิวแบบไหน ทำให้หลายครั้งที่ซื้อครีมบำรุงไปแล้ว ไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง หรือช่วยให้ผิวหน้าดีขึ้นเลย เพราะพื้นฐานผิวของคนเรานั้นมีหลากหลายประเภทจริงๆ ซึ่งผิวแบ่งได้ 5 ประเภท คือ ผิวธรรมดา, ผิวแห้ง, ผิวมัน, ผิวผสม และ ผิวบอบบางแพ้ง่าย
ผิวธรรมดา (Normal Skin)
มีลักษณะ ผิวอวบอิ่มเรียบเนียน ละเอียด ดูไม่แห้ง ไม่มัน นุ่มนวลชุ่มชื้น ไม่ค่อยมีปัญหาสิว กระ
✔️ แนะนำ
ควรใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมที่ไม่เข้มข้นหรือบางเบาเกินไป และต้องช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของผิวระหว่างวันได้ หมั่นทาครีมกันแดดทุกวัน และสครับผิวอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป
❌ หลีกเลี่ยง
สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ได้ทุกประเภท แต่แนะนำให้ทดสอบอาการแพ้ก่อนเปลี่ยนเครื่องสำอางบำรุงผิวทุกครั้ง ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวเสียสมดุล
ผิวแห้ง (Dry Skin)
มีลักษณะ ผิวหยาบกร้าน ไม่กระจ่างใส แพ้ง่าย มีผื่นแดง,รอยแดง ผิวแตก ลอกเป็นขุย มีอาการคัน
✔️ แนะนำ
ควรใช้ครีมบำรุงสำหรับผิวแห้งโดยเฉพาะเนื้อครีมเข้มข้นที่ให้ ความชุ่มชื้น สูง ใช้สเปรย์น้ำแร่เพิ่มความชุ่มชื้นก่อนแต่งหน้าทุกครั้ง ควรเลือกครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ไม่มีฟอง หลังล้างหน้าควรซับหน้าให้หมาดๆ แล้วทาครีมบำรุงผิวทันที เพราะในช่วงนี้ผิวจะเก็บความชุ่มชื้นจากครีมและป้องกันการระเหยของครีมได้ดีกว่าผิวที่แห้งแล้ว
❌ หลีกเลี่ยง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Sodium AHA BHA น้ำหอม แอลกอฮอล์ สีสังเคราะห์ ลาโนลิน สารกันเสีย และสาร PABA
ผิวมัน (Oily Skin)
✔️ แนะนำ
ควรเริ่มจากหลังล้างหน้า เช็ดผิวด้วยโทนเนอร์เพื่อควบคุมความมัน ทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA เพื่อผลัดเซลล์ผิว ลดความมันและละลายไขมันอุดตันในรูขุมขน ทายากลุ่มกรดวิตามินเอเพื่อลดสิวเสี้ยน สิวอุดตัน เลือกครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อบางเบา เช่น โลชั่น เซรั่ม เป็นต้น ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ระบุคุณสมบัติเป็น Oil Control, Oil-free, Non-comedogenic
❌ หลีกเลี่ยง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Mineral Oil เพราะจะทำให้ผิวอุดตันมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์ สารกันเสีย และสาร PABA
ผิวผสม (Combination Skin)
✔️ แนะนำ
การดูแลผิวผสมอย่างเหมาะสมนั้น จำเป็นต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกันบนใบหน้าของคุณ เพื่อที่จะไม่ทำให้ผิวของคุณเกิดความระคายเคือง ใช้โทนเนอร์เพื่อช่วยในเรื่องควบคุมความมันในจุดทีโซน
❌ หลีกเลี่ยง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Mineral Oil เพราะจะทำให้ผิวอุดตันมากขึ้น
ผิวบอบบางผิวแพ้ง่าย (Sensitive skin)
✔️ แนะนำ
เริ่มจากการนอนหลับให้เพียงพอ ทาครีมกันแดดเป็นประจำแม้ในวันที่เมฆ และรังสียูวี เลือกครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำหอม และเลือกสกินแคร์บำรุงผิวที่ใช้ควรมีส่วนผสมของสารสำคัญที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดอาการแพ้และระคายเคืองของผิวได้ดี
❌ หลีกเลี่ยง
ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำหอม แอลกอฮอล์
การใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อเพิ่ม ความชุ่มชื้น ที่เหมาะสมกับผิวอย่างต่อเนื่องเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่ขั้นตอนอื่นๆ ของการดูแลผิวก็ช่วยให้ผิวสุขภาพดี ผิวสวย ที่ผ่านมาหลายๆคนอาจจะเคยได้ยินว่า ไฮยาลูรอน ช่วยเติมความชุ่มชื้น เติมคอลลาเจน และเพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิว คล้ายฟองน้ำใต้ชั้นผิวที่ช่วยอุ้มน้ำให้ผิวชุ่มชื้นตลอดเวลา แต่ไฮยาลูรอน มีหลากหลายขนาดโมเลกุล แต่ละโมเลกุลไม่สามารถเติมความชุ่มชื้นทุกชั้นผิว หลายๆแบรนด์จึงคิดค้นการรวมพลังของไฮยาลูรอน หลายๆ ขนาด เพื่อให้แทรกซึมเข้าสู่ทุกชั้นผิว เติมความชุ่มชื้นให้ผิวอย่างเต็มเปี่ยมประสิทธิภาพที่สุด
⭐️กลุ่มผลิตภัณฑ์เติมความชุ่มชื้น Click
⭐️ สำหรับผู้ที่สนใจสร้างแบรนด์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม