เลือกให้ตรงจุด กู้ผิว .. สกินแคร์หัวเชื้อ VS สกินแคร์บำรุงทั่วไป

สกินแคร์หัวเชื้อ
สกินแคร์หัวเชื้อ กับ สกินแคร์ทั่วไป มันแตกต่างกันยังไง ผลลัพธ์มันน่ากลัวขนาดนั้นจริงไหม ? .. ไปเริ่มอ่านพร้อม ๆ กันได้เลย !

หลายคนคงเคยเจอเหมือนกันแน่ ๆ ครีมที่ใช้กันทุกวัน ทั้งที่แรก ๆ ใช้ดีมาก เริ่มใช้ไปสักพักทำไมมันเริ่มนิ่ง ใช้แล้วเฉย ๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทั้ง ๆ ที่อุตส่าห์ทาครีมดัง ๆ ยี่ห้อดี ๆ แต่กลับไม่เห็นผล มันเกิดจากอะไร ครีมไม่ดี? ผิวเราไม่ดี? แล้วจะต้องทำยังไงถึงจะเห็นผล เกิดเป็นคำถามมากมายที่อยากรู้ บทความนี้จึงมีคำตอบมาให้ ว่าอะไรบ้างคือสาเหตุที่ใช้ครีมบำรุงแล้วไม่เห็นผล! ว่าแต่ว่า “คุณเชื่อเรื่อง สกินแคร์หัวเชื้อ ไหม ?” หรือแค่ได้ยินชื่อก็ขนลุกแล้ว เพราะดูไม่จะมีความปลอดภัยเอาซะเลยกับข้อมูลที่เราได้รับรู้กันมานั้น แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจกันไป เราลองมาทำความเข้าใจกันมากขึ้นดีกว่า

ความแตกต่างระหว่าง สกินแคร์หัวเชื้อ vs สกินแคร์ทั่วไป

สกินแคร์ทั่วไป

คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบบำรุงผิวแบบองค์รวม ถ้าพูดถึงสกินแคร์ หลาย ๆ คนก็ยังเข้าใจผิดอยู่ว่ามันคือ ครีม เซรั่ม ที่ใช้กับผิวหน้าและผิวกายอย่างเดียวหรือเปล่า จะบอกว่ามันกว้างกว่านั้นมาก เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบจะทุกอย่างตั้งแต่ที่อยู่ในห้องน้ำไปยันโต๊ะเครื่องแป้งของเราเลย หรือจะพูดให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้นก็จะเป็นกลุ่มบำรุงผิวหน้าที่มาพร้อมกับสรรพคุณมากกมายรวมร่างในหนึ่งเดียว ที่สามารถใช้ได้เป็นประจำเช้า-เย็น รวมไปถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ปกป้องผิวจากแสงแดดด้วย ยกตัวอย่างแบรนด์ที่หลาย ๆ คนรู้จัก เช่น

LANEIGE : Water Sleeping Mask_EX

สลีปปิ้งมาส์กสูตรปรับปรุงใหม่ ช่วยฟื้นฟูความสมดุลของไมโครไบโอมที่สูญเสียไปขณะนอนหลับ ด้วยเทคโนโลยี Sleeping Micro Biome™ ช่วยให้ผิวหลับได้ดีตลอดทั้งคืน พร้อมเผยผิวที่แลดูกระจ่างใสและสุขภาพดี สามารถทาเนื้อครีมทิ้งไว้ข้ามคืนโดยไม่ต้องล้างออก (ล้างหน้าในเช้าวันถัดไป)

CLINIQUE: Moisture Surge™ Extended Replenishing Hydrator 100H

มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลครีมบางเบา ให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่าเดิมถึง 100 ชั่วโมง ช่วยเสริมปราการผิวปกป้องให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น สามารถใช้เป็นประจำทุกเช้า – ก่อนนอน หลังจากทำความสะอาดผิว หรือจะใช้หลังการแต่งหน้าเพื่อให้ผิวมีความ dewy ก็ได้ หรือจะใช้แทนมาสก์หน้าก็ได้ โดยทางทิ้งไว้ 5 นาที นอกจากนี้ถ้าหัวเข่าหรือข้อศอกแห้งกร้านก็สามารถใช้ตัวนี้บำรุงได้เช่นกัน

CeraVe: Moisturizing Cream

ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ ด้วยประสิทธิภาพในการเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวพร้อมฟื้นฟูปราการปกป้องผิว ด้วยเทคโนโลยีสิทธิบัตรเอ็มอีวีเดลิเวอรี (MVE Delivery Technology) ที่ค่อยๆ กระจายส่วนผสมของไฮยาลูโรนิค แอซิดและเซราไมด์สามชนิดที่จำเป็นลงสู่ผิวได้ต่อเนื่องตลอดวัน สามารถใช้บำรุงผิวหน้าและผิวกาย โดยทาผลิตภัณฑ์ให้ทั่วบริเวณที่ต้องการเป็นประจำทุกวัน บ่อยครั้งตามต้องการ หรือตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ สามารถใช้ได้ทั้งกับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปและผู้ใหญ่

 

“สกินแคร์ทั่วไป จึงเหมาะกับกลุ่มที่ไม่ได้มีปัญหาผิวหนัก เน้นการบำรุงดูแลผิวแบบระยะยาว เพื่อให้ผิวมีสุขภาพดีสมวัยมากกว่าที่จะแก้ไขปัญหาผิวโดยเฉพาะแบบเร่งด่วน เสมือนเป็นการปรับพื้นฐานผิวให้มีความแข็งแรง ชะลอปัญหาผิวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”

 

สกินแคร์หัวเชื้อ

คือ ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบให้มาเสริมการแก้ไขปัญหาเฉพาะจุดที่ต้องการให้เห็นผลเพิ่มมากขึ้น มีการใช้งานในปริมาณน้อยโดยจะใช้ผสมกับสกินแคร์ตัวอื่น ๆ ที่เราใช้ปกติอีกที โดยจะนิยมใส่สารสำคัญในปริมาณที่เข้มข้นและเสริมฤทธ์การทำงานกัน เพื่อจัดการปัญหาผิวได้ตรงจุดแบบเร่งด่วน จึงมีข้อแนะนำการใช้งานเพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้น หากใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น เห็นไหมว่าสกินแคร์หัวเชื้อ ก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดกันซะหน่อย ยกตัวอย่างแบรนด์ที่หลาย ๆ คนรู้จัก เช่น

THE ORDINARY: AHA 30% + BHA 2% Peeling Solution

ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสิ่งสกปรกที่อุดตันบนผิวให้หลุดออกอย่างอ่อนโยน ลดการเกิดสิว ลดรอยดำจากสิว ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส แนะนำให้ใช้มาส์กในเวลากลางคืน ทาเซรั่มบางๆให้ทั่วใบหน้า (หลีกเลี่ยงบริเวณรอบดวงตา)

LA ROCHE-POSAY: Retinol B3 Serum

ที่รวมเรตินอล สองรูปแบบ ทั้ง Pure และ Gradual Retinol ผสานเข้ากับวิตามินบี 3 แก้ปัญหาริ้วรอยร่องลึก ผิวไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอ ความร่วงโรยของผิวจากแสงแดด แนะนำให้ใช้ในตอนเย็นที่บริเวณใบหน้าและลำคอ ใช้ร่วมกับผลิตภัณฑ์ป้องกันแดดเป็นประจำทุกวัน (SPF > 15)

THE SUN SOCIETY: Taiyo No Aloe Hyaluronic Acid

หัวเชื้อไฮยาลูรอนเข้มข้นสูง สำหรับ Upgrade ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ม้ามืดของวงการเครื่องสำอางค์ญี่ปุ่น ที่เบียดขึ้นมาชิงอันดับ 1 ใน COSME JAPAN ได้ มาพร้อมกับวิธีใช้งานที่หลากหลาย

“สกินแคร์หัวเชื้อ จึงเหมาะกับกลุ่มผิวที่มีปัญหาผิวหรือใช้สกินแคร์ทั่วไปแล้วไม่เห็นผล ต้องการแก้ไขปัญหาผิวแบบเร่งด่วน ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน ก่อนที่จะต้องไปพึ่งวิธีเฉพาะทางคลินิก เพื่อให้สามารถกลับไปใช้ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ทั่วไปได้นั่นเอง”

จะเห็นได้ว่าสกินแคร์ทั้งสองรูปแบบนี้ มีคุณสมบัติและการใช้งานที่ออกแบบมาให้ตอบโจทย์ความต้องการของปัญหาผิวที่แตกต่างกัน เพียงแค่เราต้องทำความเข้าใจและศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เพื่อให้แก้ไขปัญหาผิวที่แท้จริงของเราได้ สกินแคร์หัวเชื้อ ไม่ได้น่ากลัวอย่างใครๆคิด .. แต่ถ้าวันไหนเราพบว่าสกินแคร์ที่ใช้อยู่ ไม่ว่ารูปแบบไหนก็ไม่เห็นผลนะ สงสัยผิวเราจะดื้อสาร ดื้อครีม! อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะจะบอกว่า ก่อนอื่นเราต้องเคลียร์ปัญหาการทาครีมแล้วไม่เห็นผล ด้วยการกลับไปที่จุดเริ่มต้นจากการวิเคราะห์ผิว ว่าเราดูแลผิวอย่างถูกวิธีหรือไม่ จะได้รู้ไปเลยว่าเป็นที่ผิวหรือเป็นที่ครีมกันแน่ !

 

ปัญหาผิวดื้อสาร ทำไมทาครีมแล้วไม่เห็นผล?

หากลองมองย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้น จะพบว่าต้นตอของปัญหาผิวดื้อสารนี้มันไม่ใช่ความผิดของสกินแคร์เลย แต่กลับเป็นพฤติกรรมของเรา เนื่องจากถ้ามีการวิเคราะห์และสังเกตผิวของตัวเอง ก็สามารถช่วยให้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวถูกต้องและเห็นผลได้มากขึ้น และนี่คือขั้นตอนที่ควรจะทำสำหรับแต่ละสภาพผิว เพื่อที่จะได้เลือกใช้สกินแคร์เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนและน่าพอใจมากขึ้น

🔹 การดูแลผิวธรรมดา : ควรทำความสะอาดผิวธรรมดาด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวแบบมีฟอง ควรเลือกเติมความชุ่มชื้นให้ผิวด้วยสกินแคร์เนื้อโลชันบางเบา หากเป็นครีมมอยส์เจอร์ไรเซอร์ ต้องไม่ใช่เนื้อครีมที่เข้มข้นเกินไป และใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน

🔹 การดูแลผิวแห้ง : ควรเพิ่มความใส่ใจเป็นพิเศษในการดูแลผิว โดยเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ช่วยไม่ให้ผิวแห้งตึง เริ่มจากน้ำมันบำรุงผิวหน้าเนื้อเบา แล้วค่อยตามด้วยมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เข้มข้นกว่าทาทับลงไป เลือกจากสูตรที่สามารถเติมความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิวได้

🔹การดูแลผิวมัน : เริ่มจากการล้างหน้าให้สะอาด 2 ครั้งต่อวัน เช้าและเย็น หลังล้างหน้านั้นคนผิวมันเหมาะกับโทนเนอร์ที่ใช้เช็ดผิวเพื่อปรับสมดุลผิวและกำจัดน้ำมันส่วนเกิน ส่วนมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้เล็งชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อรักษาระดับความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ไม่ให้ผิวแห้งหรือมันเกินไป

🔹 การดูแลผิวผสม : ผิวผสมควรเลือกใช้สกินแคร์แยกส่วนกัน เช่น ผิวบริเวณที่มีความมันใช้โทนเนอร์เป็นประจำ ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อเข้มข้น การเลือกใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ AHA (Alpha Hydroxy Acids) เป็นส่วนประกอบซึ่งจะมีประโยชน์ต่อผิวผสม ทั้งช่วยเพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว

🔹 การดูแลผิวบอบบางแพ้ง่าย : สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ คือ ความอ่อนโยนของผลิตภัณฑ์ ต้องไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ประเภทที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองผิว

หากเราสามารถดูแลผิวได้ตรงตามกับสภาพผิวของเราเป็นประจำทุก ๆ วัน แล้ว ก็จะพบว่าปัญหาการใช้สกินแคร์ไม่เห็นผลจะหมดไป เพราะผิวของเราจริง ๆ แล้ว ไม่ได้เกิดการดื้อสารอย่างที่เข้าใจกัน! เพียงแต่ผิวเราแค่ต้องการการบำรุงผิวที่เหมาะสมกับช่วงอายุที่เปลี่ยนไปในช่วงนั้น ๆ เท่านั้นเอง ต่อให้ใช้ สกินแคร์หัวเชื้อ ระดับเทพ ก็ไม่สามารถเข้าจัดการปัญหาได้อย่างตรงจุดแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ทั่วไป หรือ สกินแคร์หัวเชื้อ หากเราใช้ให้ถูกวิธีตามคำแนะนำ ก็สามารถช่วยแก้ปัญหาผิวที่เราต้องการได้


ข้อมูลอ้างอิง
https://www.choicechecker.com/ // https://sistacafe.com/summaries/ // https://www.dailynews.co.th/women/

Share:
Share on facebook
Share on twitter
Share on pinterest
Share on linkedin
รับคำปรึกษาฟรี
เริ่มต้นสร้าง
แบรนด์กับเรา
เพิ่มเพื่อน

Connect us

Most Popular

บทความล่าสุด

บทความที่คุณอาจสนใจ